Sentence (ประโยค) หมายถึง หน่วยความคิดหรือข้อความที่มีความสมบูรณ์ทั้งในเรื่องของไวยากรณ์
และความหมายที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสาร
ประโยคจะต้องประกอบด้วยอย่างน้อย 2 ส่วน ดังนี้
ประธาน + กริยา + (ส่วนเติมเต็มที่จะทำให้ประโยคสมบูรณ์)
Subject + Verb + (complement)
ส่วนที่อยู่ในวงเล็บอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ถ้าประโยคสมบูรณ์แล้วไม่ต้องมีก็ได้
Subject (ประธาน) คือ ผู้กระทำ หรือ ผู้แสดง คำที่จะมาทำหน้าที่ประธานของประโยค ได้แก่ คำนาม(Noun)
เช่น the boy, the cat ,the book , Wanit etc. หรือ คำสรรพนาม(Pronoun) เช่น I, You,
We, They, He, She, It เป็นต้น
Verb (กริยา) คือ อาการที่ประธานแสดงออกมา เช่น นั่ง (sit) นอน ( sleep ) เดิน ( walk ) Verb to be
( is, am, are ทั้ง 3 ตัวแปลว่า เป็น อยู่ คือ ) เป็นต้น
complement (ส่วนเติมเต็ม) คือ ส่วนที่ไปทำให้ประโยคสมบูรณ์ซึ่งอาจจะเป็น
Object (กรรม) คือ ผู้ถูกกระทำ หรือ ส่วนขยายประโยคก็ได้ เช่น
The student
|
studies
| English at school. | นักเรียนเรียนหนังสือที่โรงเรียน |
|
| | |
The children
|
are
| at school. | นักเรียนอยู่ที่โรงเรียน |
|
| | |
Subject
|
Verb
| ส่วน English เป็น Object |
| | และ at school เป็นส่วนเติมเต็มขยายประโยค |
ประโยคภาษาอังกฤษ มีรูปแบบการใช้แตกต่างกันไปตามกาลเวลา ซึ่งภาษาอังกฤษ
เรียกว่า Tense มี 12 รูปแบบ ดังนี้ |  |
อนาคต
|
ปัจจุบัน
|
อดีต
|
|
Future
|
Present
|
Past
|
1. Simple Future Tense | 1. Simple Present Tense | 1. Simple Past Tense |
2. Future Continuous Tense | 2. Present Continuous Tense | 2. Past Continuous Tense |
3. Future Perfect Tense | 3. Present Perfect Tense | 3. Past Perfect Tense |
4. Future Perfect Continuous
Tense | 4. Present Perfect Continuous
Tense | 4. Past Perfect Continuous
Tense |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น